ทนายความกรุงเทพมหานคร เขตลาดพร้าว

ทนายความกรุงเทพมหานคร เขตลาดพร้าว

เปิดหน้าต่อไป

คำถามที่ปรึกษาบ่อย

เจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดควรทำอย่างไร

หากเจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด คุณควรดำเนินการดังนี้:

1. **ศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้อง**: ตรวจสอบกฎหมายว่าด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ได้รับอนุญาต เพื่อแน่ใจว่าเจ้าหนี้เรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดจริง (ไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี)

2. **เก็บหลักฐาน**: รวบรวมหลักฐานการเรียกเก็บดอกเบี้ยเกิน เช่น สัญญาเงินกู้ ใบเสร็จรับเงิน หรือข้อความการติดต่อ

3. **เจรจากับเจ้าหนี้**: นำข้อมูลกฎหมายมาเจรจากับเจ้าหนี้ และอธิบายว่าอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

4. **ปรึกษาทนายความ**: หากไม่สามารถเจรจาได้ ควรปรึกษาทนายความเพื่อขอคำแนะนำและดำเนินการตามกฎหมาย (คอลเซ็นเตอร์ทนายความ 02 114 7521)

5. **ยื่นเรื่องร้องเรียน**: หากยังไม่ได้รับการแก้ไข สามารถยื่นเรื่องร้องเรียนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค ศูนย์ดำรงธรรม (1567) 
6. **แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหนี้** หากเจรจาหรือตกลงกับเจ้าหนี้ไม่ได้ เพราะถือเป็นความผิดอาญา

ทำตามขั้นตอนเหล่านี้เพื่อป้องกันและรักษาสิทธิของตนในการเรียกเงินกู้ที่ถูกต้องตามกฎหมาย

ถูกมิจฉาชีพออนไลน์หลอกลวงควรทำอย่างไร

หากตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพออนไลน์ ควรทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:

1. **หยุดการสื่อสารทันที**:

   - ยุติการสื่อสารกับมิจฉาชีพ ไม่ตอบสนองต่อการติดต่อจากฝ่ายนั้นอีก

2. **รวบรวมหลักฐาน**:

   - เก็บรักษาข้อความ, อีเมล, หลักฐานการโอนเงิน หรือภาพถ่ายที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวง

3. **แจ้งความกับตำรวจ**:

   - นำหลักฐานทั้งหมดที่เก็บรักษาไว้ ไปแจ้งตำรวจเพื่อดำเนินคดี

4. **แจ้งธนาคาร**:

   - ติดต่อธนาคารของคุณเพื่อให้พวกเขาช่วยสกัดกั้นธุรกรรมที่น่าสงสัย และดำเนินการเพื่อป้องกันบัญชีของคุณ

5. **แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง**:

   - แจ้งหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลเรื่องการทุจริตออนไลน์ในประเทศของคุณ เช่น ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี

6. **เปลี่ยนรหัสผ่าน**:

   - เปลี่ยนรหัสผ่านของบัญชีออนไลน์ต่าง ๆ ที่คุณใช้อยู่ เพื่อป้องกันการเข้าถึงจากมิจฉาชีพ

7. **แจ้งเตือนผู้อื่น**:

   - ให้ข้อมูลกับเพื่อนและครอบครัวเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกัน

8. **ติดตามผลการดำเนินคดี**:

   - ติดตามคดีและคอยรับข่าวสารจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคดีของคุณ

มิจฉาชีพออนไลน์ปลอมตัวเป็นตำรวจมีวิธีรับมืออย่างไร

ถ้าคุณเจอมิจฉาชีพออนไลน์ที่ปลอมตัวเป็นตำรวจ นี่คือวิธีรับมือง่ายๆ:

1. **ตรวจสอบข้อมูล**: ขอทราบชื่อ, หน่วยงาน, และหมายเลขประจำตัวของตำรวจที่ติดต่อคุณ แล้วตรวจสอบกับหน่วยงานตำรวจในพื้นที่ของคุณ (ค้นหาสถานีตำรวจทั่วประเทศได้ที่นี้ https://www.royalthaipolice.go.th/station.php )


2. **ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว**: อย่าให้ข้อมูลส่วนตัว, ข้อมูลทางการเงิน, หรือข้อมูลสำคัญอื่น ๆ จนกว่าคุณจะแน่ใจว่านั่นคือเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง

3. **ไม่โอนเงิน**: ตำรวจจริงจะไม่ขอตัวเงินหรือโอนเงินทันที อย่าโอนเงินหากไม่มีการตรวจสอบที่ชัดเจน

4. **ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง**: ถ้าคุณสงสัย ให้ติดต่อหน่วยงานตำรวจในพื้นที่ของคุณเพื่อตรวจสอบว่ามีข้อเรียกร้องจากตำรวจจริงหรือไม่

5. **รายงานมิจฉาชีพ**: แจ้งเตือนหน่วยงานตำรวจในพื้นที่ของคุณทันที ถ้าคุณพบว่าเป็นการหลอกลวง

6. **บันทึกและเก็บหลักฐาน**: บันทึกการสนทนา, อีเมล, หรือข้อความ ที่มีการติดต่อกับมิจฉาชีพเพื่อใช้เป็นหลักฐานในการแจ้งเบาะแส

7. **ศึกษาข้อมูลและติดตามข่าวสาร**: เรียนรู้และติดตามข่าวสารเกี่ยวกับกลวิธีต่างๆ ที่มิจฉาชีพใช้ เพื่อป้องกันตัวในอนาคต

การมีสติและตรวจสอบข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการป้องกันตัวจากมิจฉาชีพออนไลน์ที่ปลอมตัวเป็นตำรวจ

มิจฉาชีพออนไลน์ปลอมตัวเป็นทนายความมีวิธีรับมืออย่างไร

หากคุณเจอมิจฉาชีพออนไลน์ที่ปลอมตัวเป็นทนายความ คุณสามารถใช้วิธีต่อไปนี้ในการรับมือ:

1. **ตรวจสอบใบอนุญาต**: ขอชื่อและหมายเลขใบอนุญาตของทนายความ และตรวจสอบว่าเขาได้รับการรับรองจากหน่วยงานทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาทนายความ (สายด่วนสภาทนายความ 1167)

2. **ไม่ให้ข้อมูลส่วนตัว**: อย่าให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลทางการเงิน หรือเอกสารสำคัญจนกว่าคุณจะแน่ใจว่าเป็นทนายความจริง

3. **ระมัดระวังการชำระเงิน**: ทนายความจริงจะมีวิธีการชำระเงินที่ชัดเจนและเป็นทางการ อย่าชำระเงินผ่านวิธีที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่สามารถติดตามได้

4. **ติดต่อสำนักงานกฎหมาย**: หากเขาอ้างว่าเป็นตัวแทนจากสำนักงานกฎหมาย ให้ติดต่อสำนักงานนั้นโดยตรงเพื่อยืนยันข้อมูล

5. **เก็บหลักฐาน**: บันทึกการสนทนา อีเมล หรือข้อความทั้งหมดที่คุณมีการติดต่อกับบุคคลนั้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานหากจำเป็นต้องแจ้งความ

6. **ปฏิเสธการให้บริการ**: หากคุณสงสัยว่าบุคคลนั้นไม่ใช่ทนายความจริง สามารถปฏิเสธการรับบริการได้ทันที

7. **ควรเลือก** ใช้บริการทนายความหรือสำนักงานทนายความใกล้บ้านคุณ เพราะคุณสามารถเดินทางไปพบทนายความได้ตลอดเวลาที่คุณต้องการ (คอลเซ็นเตอร์ทนายความ 02 114 7521)

8. **แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง**: แจ้งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ เช่น สภาทนายความ หรือหน่วยงานป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกง

9. **ระมัดระวังการคลิกลิงก์**: อย่าคลิกลิงก์ หรือติดตั้งไฟล์ที่บุคคลนั้นส่งมาให้หากไม่ได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นแหล่งที่มาปลอดภัย

การตรวจสอบและใช้วิธียืนยันตัวตนจะช่วยให้คุณสามารถป้องกันตนเองจากมิจฉาชีพที่ปลอมตัวเป็นทนายความได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เช่าซื้อรถยนต์ไม่มีเงินผ่อนต่อควรทำอย่างไร

หากคุณกำลังประสบปัญหาในการชำระค่างวดรถยนต์ ต่อไปนี้คือวิธีการรับมือ:

1. **ติดต่อสถาบันการเงินหรือบริษัทเช่าซื้อ**: แจ้งให้พวกเขาทราบถึงสถานการณ์ของคุณ สถาบันการเงินบางแห่งอาจสามารถช่วยเหลือโดยการปรับโครงสร้างหนี้ หรือยืดระยะเวลาชำระหนี้ได้

2. **ขอพักการชำระหนี้**: สอบถามว่าสถาบันการเงินมีนโยบายพักการชำระหนี้หรือไม่ บางแห่งอาจมีโปรแกรมช่วยเหลือเฉพาะกิจในกรณีที่คุณมีปัญหาการเงินชั่วคราว

3. **ขายรถ**: พิจารณาขายรถเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ การขายรถที่ยังผ่อนไม่หมดอาจต้องได้รับอนุญาตจากสถาบันการเงิน หรือคุณอาจต้องชำระหนี้ที่ยังอยู่ให้หมดก่อนการขาย (ไม่แนะนำให้ขายดาวน์นะครับ)

4. **ยกเลิกสัญญาเช่าซื้อ**: สอบถามสถาบันการเงินว่ามีวิธีการยกเลิกสัญญาเช่าซื้อหรือไม่ หากยกเลิกสัญญา คุณจะต้องคืนรถและอาจต้องเสียค่าปรับหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ (การคืนรถยนต์คือการยกเลิกสัญญาเช่าซื้อ)

5. **รีไฟแนนซ์**: หากมีรถคันอื่นหรือทรัพย์สินที่สามารถใช้เป็นหลักประกัน ลองพิจารณารีไฟแนนซ์ เพื่อรับเงินก้อนใหม่มาชำระหนี้เดิมและลดค่างวดผ่อนต่อเดือนให้น้อยลง

6. **ขอคำปรึกษาทางการเงิน**: พบกับที่ปรึกษาทางการเงินหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารหนี้ เพื่อขอคำแนะนำและวางแผนการจัดการหนี้อย่างเหมาะสม

7. **พิจารณางบประมาณ**: ทบทวนรายรับรายจ่ายของคุณ และพยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อให้มีเงินพอสำหรับชำระหนี้

8. **ไม่ละเลยปัญหา**: อย่าละเลยการชำระหนี้ เพราะจะทำให้คุณเสียดอกเบี้ยหรือค่าปรับที่สูงขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อเครดิตของคุณในระยะยาว
9. **ทางเลือกสุดท้าย** คืนรถยนต์ที่เช่าซื้อมากับไฟแนนซ์ โดยการนำไปคืนที่สถานีตำรวจแล้วลงบันทึกประจำวันไว้ เพราะการคืนรถยนต์คือการเลิกสัญญา เงินค่างวดที่ค้างอยู่ยังคงต้องชำระ แต่เงินค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์ เงินส่วนต่างที่ไฟแนนซ์ขายรถไปแล้ว ได้เงินไม่ครบตามสัญญาเช่าซื้อ คุณไม่ต้องรับผิดชอบครับ 

การเผชิญกับปัญหาการเงินสามารถเป็นเรื่องยาก แต่การสื่อสารกับสถาบันการเงินและการหาทางออกที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มีปัญหาปรึกษาทนายในเวปไซต์นี้ได้เลย

X